สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี (13 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเตือนถึงการแข็งค่าของดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 10.4 ดอลลาร์ หรือ 0.81% ปิดที่ระดับ 1,288.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่เพิ่มขึ้น 2.5% ในรอบสัปดาห์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 18.51 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 9.5 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ 977.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.11% ปิดที่ 795.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อน หลังดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินคู่ค้าเกือบทั้งหมดในการซื้อขายเมื่อวันพุธ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า ดอลลาร์กำลังแข็งค่ามากเกินไปในขณะนี้ ทั้งยังระบุด้วยว่า เขาชอบนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ เฟดควรคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป
คำกล่าวของปธน.ทรัมป์ถือว่าสวนทางกับทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
การแสดงความเห็นดังกล่าวของปธน.สหรัฐส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับเยน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบประมาณสองสัปดาห์ ก่อนที่ดอลลาร์จะกระเตื้องขึ้นในเวลาต่อมา
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งกำหนดราคาในสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาถูกลงสำหรับผู้ทีถือครองสกุลเงินอื่นๆ จึงช่วยกระตุ้นแรงซื้อ
นอกจากนี้ ทองคำยังได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลดลง โดยปกติแล้ว เมื่อหุ้นลบ โลหะมีค่าจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และหันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยแทน โดยเฉพาะในยามที่เกิดสถานการณ์ไม่แน่นอน อย่างเช่นความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี และซีเรีย