สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลง 0.28% เมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนลดความต้องการในการถือครองทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ระดับ 1,242.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.7 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 16.627 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ 926.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 9.45 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 836.65 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันจากปัจจัยการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกดีดตัวสูงขึ้น หลังจากในสัปดาห์ที่ผ่านมามีแรงเทขายพันธบัตรจำนวนมาก สืบเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ธนาคารกลางหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะยุติการขยายมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกไป ซึ่งรวมไปถึงการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้กล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงิน ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป ก็ได้ส่งสัญญาณที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังกล่าวด้วยว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลง
เมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 0.4% ทั้งในเดือนมี.ค.และเดือนเม.ย. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.
ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1%
ด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 95.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 97.1 ในเดือนพ.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 94.5