สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐบางรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) นั้น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 12.70 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 1305.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 13.1 เซนต์ หรือ 0.80% ปิดที่ 16.276 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 30.30 ดอลลาร์ หรือ 3.07% ปิดที่ 957.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ดิ่งลง 64.40 ดอลลาร์ หรือ 6.2% ปิดที่ 973.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้เตือนเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในระหว่างการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
ส่วนในการแถลงรอบที่ 2 เมื่อวานนี้ นายพาวเวลได้ตอบข้อซักถามของสมาชิกคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐที่ว่า เหตุใดเฟดจึงยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของเฟด โดยนายพาวเวลตอบว่า "ในขณะนี้ เรามีอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.1% ซึ่งสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็คือ เราดำเนินการล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งหากเฟดไม่ดำเนินการก่อนที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และปล่อยให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นก่อน ก็จะทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้ลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบางรายการ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 226,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว