ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัว จากอานิสงส์ดอลล์อ่อน,ความตึงเครียดสหรัฐ-อิหร่าน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 4, 2018 00:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ จากปัจจัยการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นอกจากนี้ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาด

ณ เวลา 00.16 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้น 7.50 ดอลลาร์ หรือ 0.57% สู่ระดับ 1,313.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์ร่วงลงเทียบเยนและยูโรในวันนี้ จากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากที่ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นก่อนหน้านี้

ณ เวลา 23.22 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.69% สู่ระดับ 109.07 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.49% สู่ระดับ 130.60 เยน และขยับขึ้น 0.19% สู่ระดับ 1.1973 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.04% สู่ระดับ 92.55

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดอลลาร์ได้ดีดตัวขึ้นจนสามารถล้างช่วงติดลบที่ทำไว้ตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ขณะที่ธนาคารกลางแห่งอื่นๆ จะใช้เวลานานกว่าเฟดในการถอนตัวจากการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย

การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อวานนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.50-1.75% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมทั้งส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้ระดับ 2% และการปรับตัวของเศรษฐกิจได้สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

แถลงการณ์หลังการประชุมระบุว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ โดยผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 192,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 103,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.

ทางด้านนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รมว.ต่างประเทศอิหร่าน ยืนกรานว่า อิหร่านจะไม่ทำการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งใหม่ หลังจากที่ผ่านความเห็นชอบจากชาติมหาอำนาจในปี 2558

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.ในการตัดสินใจว่าจะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติมหาอำนาจทำไว้กับอิหร่านหรือไม่ โดยข้อตกลงฉบับนี้เกิดจากลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีการทำไว้ในปี 2558 โดยระบุว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว และมีการละเมิดหลายครั้ง

หากปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ