ราคาทองฟิวเจอร์วูบเกือบ 2% ร่วงวันที่ 3 ทำนิวโลว์ปีนี้ หลังดอลลาร์พุ่งตามบอนด์ยีลด์

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 15, 2018 22:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์ทรุดตัวลงเกือบ 2% ในวันนี้ โดยร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน แตะระดับต่ำสุดในปีนี้ ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ตามการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ตลาดไม่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ณ เวลา 22.13 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ร่วงลง 24.70 ดอลลาร์ หรือ 1.87% สู่ระดับ 1,293.50 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองร่วงลงรุนแรงยิ่งขึ้น หลังจากที่ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1,306 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยรอบ 200 วัน ซึ่งเคยเป็นแนวรับของตลาดก่อนหน้านี้

ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นในวันนี้ ได้ลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นในวันนี้เทียบเยนและยูโร ตามการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์กันว่าช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นจะกว้างขึ้น

ณ เวลา 18.13 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.24% สู่ระดับ 109.91 เยน หลังจากพุ่งทะลุ 110 เยนก่อนหน้านี้ ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.03% สู่ระดับ 130.72 เยน และร่วงลง 0.26% สู่ระดับ 1.1894 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.22% สู่ระดับ 92.79

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นไม่หยุดในวันนี้ โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีทะยานขึ้นใกล้แตะระดับ 3.06% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 หลังสหรัฐเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ณ เวลา 20.34 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.059% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.189%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดีดตัวสู่ระดับ 20.1 ในเดือนพ.ค. โดยสูงกว่าระดับ 15 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนมี.ค.

ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายน้ำมันเบนซินตามการดีดตัวของราคาน้ำมัน

เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย.

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ