สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ผ่านไปอย่างราบรื่น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,299.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 6.1 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 16.891 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 4.9 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่ 901.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,015.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.23% แตะระดับ 93.820 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองจะปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวานนี้ ผ่านไปอย่างราบรื่น โดยผู้นำทั้งสองได้ตกลงที่จะสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีครั้งใหม่เพื่อให้มีสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในคาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะร่วมมือกันสร้างกลไกสันติภาพที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี