สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากที่ประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,308.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 27.1 เซนต์ หรือ 1.59% ปิดที่ 17.262 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 8.4 ดอลลาร์ หรือ 0.93% ปิดที่ 910.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ขยับลง 60 เซนต์ หรือเกือบ 0.1% ปิดที่ 1,006.60 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมจัดการประชุมหารือกับที่ปรึกษาทางการค้าของทำเนียบขาวในวันนี้ เพื่อตัดสินใจว่า ในวันพรุ่งนี้ สหรัฐจะมีการประกาศรายชื่อสินค้าจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษีหรือไม่
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากธนาคารกลางยุโร (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมประกาศว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนของปีหน้า
อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมานั้น ได้สกัดแรงบวกของสัญญาทองคำในระหว่างวัน โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปีนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้