สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่า อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำได้รับแรงซื้อบางส่วนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อันเนื่องมาจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 1278.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 11.7 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 16.323 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 19 ดอลลาร์ หรือ 2.15% ปิดที่ 864.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 22.60 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 960.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองแดงได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินบางสกุล โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.28% แตะระดับ 94.725 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองแดงและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองแดงจะปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองแดง ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากคณะกรรมการเฟดได้ส่งสัญญาณในการประชุมครั้งล่าสุดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนก.ย. และธ.ค. ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ตาม กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนช่วยให้นักลงทุนบางส่วนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้