ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงหลุด 1,270 ดอลลาร์ จากปัจจัยดอลล์แข็ง แม้ได้แรงหนุนจากสงครามการค้า

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 25, 2018 23:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงในวันนี้ หลุดระดับ 1,270 ดอลลาร์ โดยถูกกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ แม้ว่าราคาทองยังได้แรงหนุนจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า

ณ เวลา 23.38 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ร่วงลง 2.60 ดอลลาร์ หรือ 0.20% สู่ระดับ 1,268.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ณ เวลา 18.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.02% สู่ระดับ 94.54 หลังจากดีดตัวแตะ 95.529 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว

นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า สหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีน หากพบว่าประเทศใดละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาต่อสินค้าด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ

"ในนามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผมขอชี้แจงว่า ข่าวเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะจำกัดการลงทุนของจีนที่ปรากฎในสำนักข่าวบลูมเบิร์ก และหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ถือเป็นข่าวลวง โดยคนปล่อยข่าวอาจจะไม่มีอยู่จริง หรือไม่รู้เรื่องนี้มากนัก และทางกระทรวงจะออกแถลงการณ์ที่ไม่ระบุโดยตรงถึงจีนเท่านั้น แต่จะเป็นแถลงการณ์ต่อทุกประเทศที่กำลังพยายามขโมยเทคโนโลยีของเรา" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานวานนี้ว่า ปธน.ทรัมป์วางแผนที่จะห้ามบริษัทของจีนเข้าลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีของสหรัฐ และจะห้ามบริษัทสหรัฐส่งออกเทคโนโลยีให้กับจีน โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง

วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อห้ามไม่ให้บริษัทที่มีชาวจีนถือหุ้นอยู่อย่างน้อย 25% เข้าซื้อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติและกระทรวงพาณิชย์ยังได้ร่วมกันจัดทำแผนเพื่อควบคุมการส่งออกให้เข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันการส่งออกเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในภาคอุตสาหกรรมไปยังจีน

วอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า สหรัฐเตรียมประกาศมาตรการดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้ เพื่อตอบโต้นโยบาย"เมดอินไชน่า 2025" ของจีนที่ต้องการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยี

ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ยังเตือนว่า "ทุกประเทศที่ตั้งกำแพงการค้า และเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ควรจะยุติการกระทำดังกล่าว มิฉะนั้นจะเผชิญกับมาตรการตอบโต้จากสหรัฐ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ