สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในช่วงเวลาที่การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 11 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,244.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 27 เซนต์ หรือ 1.68% ปิดที่ 15.817 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 11.2 ดอลลาร์ หรือ 1.32% ปิดที่ 835 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 60 เซนต์ ปิดที่ 937.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.58% แตะที่ระดับ 94.701 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากเมื่อวานนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ในอัตรา 10% โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย. ทางด้านรัฐบาลจีนได้ออกมาประท้วงการกระทำดังกล่าวของสหรัฐ และเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้เช่นกัน
ทั้งนี้ มาตรการล่าสุดที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเมื่อวานนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐเพิ่งบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนกว่า 800 รายการ ในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงินที่เท่ากัน