ราคาทองฟื้นตัว หลังดิ่งต่ำสุดรอบกว่า 1 ปี ปัจจัยสงครามการค้า,ตัวเลขจ้างงานสหรัฐหนุนตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 3, 2018 23:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาของสหรัฐ

ราคาทองดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีในช่วงแรก ขณะที่มีแนวโน้มปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ ราคาทองสปอตดิ่งลงแตะ 1,204.00 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ปีที่แล้ว ก่อนดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา

ส่วนราคาทองในตลาดฟิวเจอร์ ณ เวลา 23.18 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้น 6.00 ดอลลาร์ หรือ 0.49% สู่ระดับ 1,226.10 ดอลลาร์/ออนซ์

นอกจากนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในวันนี้ ก็ได้เพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์ร่วงลงใกล้หลุดระดับ 111 เยนในวันนี้ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ก็ได้เป็นปัจจัยถ่วงค่าเงินดอลลาร์

ณ เวลา 22.27 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.47% สู่ระดับ 111.12 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.36% สู่ระดับ 128.84 เยน และขยับขึ้น 0.14% สู่ระดับ 1.1598 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.14% สู่ระดับ 95.02

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 157,000 ตำแหน่ง โดยเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี หลังจากแตะระดับ 4.0% ในเดือนมิ.ย.

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 7 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% จากระดับ 0.2% ในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี โดยสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศในวันนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษี 25%, 20%, 10% และ 5% ต่อสินค้า 5,207 รายการของสหรัฐ

ทั้งนี้ จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

"จีนเตรียมพร้อม และจะตอบโต้เพื่อรักษาเกียรติภูมิของชาติ, ผลประโยชน์ของประชาชน และปกป้องการค้าเสรี, การซื้อขายแบบพหุภาคี รวมทั้งผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา จีนได้เสนอแนะให้มีการแก้ไขความขัดแย้งโดยผ่านทางการเจรจาหารือ แต่อยู่บนเงื่อนไขที่ว่าเราต้องปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกัน และให้เกียรติต่อคำพูดของเรา" แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% จากเดิมในอัตรา 10% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยครอบคลุมสินค้าจำนวน 6,031 รายการ ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร หลังจากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ