สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐและจีนใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าล่าสุดเมื่อวานนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.7 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,221 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.9 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 15.432 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 829.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 16.50 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 886.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.12% แตะที่ระดับ 95.06 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้ทองคำซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
ขณะเดียวกันสัญญาทองคำยังดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.967% เมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐและจีนเปิดศึกการค้าครั้งล่าสุด โดยกระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์
การดำเนินการดังกล่าวของจีนมีขึ้นเพื่อตอบโต้สหรัฐซึ่งเมื่อวานนี้ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.