ราคาทองฟิวเจอร์ขยับขึ้นวันนี้ จากอานิสงส์ดอลลาร์อ่อนค่า

ราคาทองฟิวเจอร์ขยับขึ้นในวันนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 22.45 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ขยับขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 0.09% สู่ระดับ 1,222.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์อ่อนค่าหลุดระดับ 111 เยน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นในวันนี้ รวมทั้งความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 21.29 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.11% สู่ระดับ 110.85 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.35% สู่ระดับ 128.39 เยน และร่วงลง 0.23% สู่ระดับ 1.1583 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.15% สู่ระดับ 95.19

ทั้งนี้ สหรัฐและญี่ปุ่นเตรียมหารือประเด็นการค้าในระดับรัฐมนตรีรอบแรกที่กรุงวอชิงตันในวันนี้ โดยสหรัฐจะหาทางผลักดันให้ญี่ปุ่นเปิดตลาดรถยนต์และสินค้าเกษตรให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดภาวะขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่น

คาดกันว่านายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) จะกดดันนายโตชิมิตสึ โมเทกิ รมว.เศรษฐกิจญี่ปุ่น ให้ลดภาษีนำเข้าสินค้าด้านการเกษตร เช่น เนื้อวัว และถั่วเหลือง ตลอดจนการยกเลิกมาตรการที่ไม่ใช่กำแพงภาษีสำหรับการนำเข้ารถยนต์ เพื่อจัดทำข้อตกลงให้เป็นรูปธรรมก่อนถึงช่วงเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์เมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้สหรัฐซึ่งได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.

ก่อนหน้านี้ คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตแรกในอัตรา 25% วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นไม่นาน จีนก็ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตราและวงเงินที่เท่ากัน

ทั้งนี้ สหรัฐออกมาตรการเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนทั้ง 2 ล็อตคิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ในอัตราภาษีและวงเงินที่เท่ากัน

เมื่อช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา USTR ได้ประกาศรายการสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีนที่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการเรียกเก็บภาษีสินค้าล็อตที่ 2 วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.