สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นการลงทุนในตลาดหุ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 10 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ 1201.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นน้อยกว่า 0.1%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.4 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 14.359 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4.6 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่ 829.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1044.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.36% แตะระดับ 94.24 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นักวิเคราะห์จากบริษัทคิทโก เมทัลส์ คาดการณ์ว่า สัญญาทองคำจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆในสัปดาห์หน้า ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 25-26 ก.ย.นี้ ขณะที่นักลงทุนต่างก็จับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด เพื่อนำมาเป็นปัจจัยบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดครั้งนี้