ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นจากอานิสงส์ดอลลาร์อ่อนค่าก่อนประชุมเฟดสัปดาห์นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 25, 2018 00:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ก่อนการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

ณ เวลา 00.25 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้น 3.30 ดอลลาร์ หรือ 0.27% สู่ระดับ 1,204.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองร่วงลงกว่า 12% นับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์ชะลอตัวในวันนี้ ก่อนการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์นี้

ณ เวลา 23.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.13% สู่ระดับ 94.10 ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.02% สู่ระดับ 112.58 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.20% สู่ระดับ 132.51 เยน และดีดตัวขึ้น 0.20% สู่ระดับ 1.1771 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 25-26 ก.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.และมิ.ย. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังสื่อรายงานว่า จีนได้ยกเลิกแผนการส่งนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจาการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่สหรัฐออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งใหม่วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ รวมทั้งการที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐประกาศคว่ำบาตรหน่วยงานด้านกลาโหมของจีนและผู้บริหารของหน่วยงานดังกล่าว

นอกจากนี้ วันนี้ยังเป็นวันที่มาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐและจีนเริ่มมีผลบังคับใช้ โดยสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 10% ขณะที่จีนจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ