สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,204.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.8 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 14.341 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 829.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.70 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,051.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.01% แตะระดับ 94.21 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงนั้น จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์อ่อนค่าลงก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 25-26 ก.ย. ขณะที่ตลาดการเงินคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.และมิ.ย.
สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดในอุตสาหกรรมทองคำที่นักลงทุนให้ความสนใจนั้น บริษัทแบร์ริค โกลด์ ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัทแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ด้วยวงเงิน 6.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตั้งบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์ระบุว่า การซื้อกิจการในครั้งนี้ จะทำให้แบร์ริคหวนกลับไปลงทุนในแอฟริกา หลังจากที่ได้ขายกิจการในภูมิภาคดังกล่าวเมื่อ 8 ปีที่แล้ว