ราคาทองร่วงลงติดต่อกันเป็นวันทำการที่ 7 ในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยการเมืองในยุโรป และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ณ เวลา 23.47 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 4.20 ดอลลาร์ หรือ 0.35% สู่ระดับ 1,204.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองดิ่งลงในสัปดาห์ที่แล้ว ทำสถิติร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. หลังจากที่เฟดย้ำจุดยืนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์พุ่งขึ้นเทียบยูโรและปอนด์ในวันนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณของอิตาลี และความกังวลเกี่ยวกับการทำข้อตกลงแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของอังกฤษ
ณ เวลา 20.10 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ดีดตัว 0.45% สู่ระดับ 1.2917 เทียบปอนด์ และพุ่งขึ้น 0.60% สู่ระดับ 1.1266 เทียบยูโร ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.60% สู่ระดับ 128.21 เยน ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.44% สู่ระดับ 97.34
ดอลลาร์ได้แรงซื้อเมื่อเทียบกับยูโร ส่งผลให้ดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือนเทียบยูโร ขณะที่นักลงทุนมีความกังวล ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะยื่นงบประมาณเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ในวันพรุ่งนี้ โดยไม่มีการปรับแก้เป้าหมายตัวเลขการขาดดุลงบประมาณตามที่ EC ได้ท้วงติงก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่า EC อาจไม่อนุมัติงบประมาณของอิตาลีอีกครั้ง หลังจากที่ได้ปฏิเสธเมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นเทียบปอนด์ หลังมีข่าวว่า รัฐมนตรี 4 รายของอังกฤษ ซึ่งมีแนวคิดสนับสนุนให้อังกฤษรวมตัวเข้ากับสหภาพยุโรป เตรียมลาออกจากคณะรัฐมนตรี เพื่อกดดันนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า