สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาว่าสหรัฐจะเผชิญกับสถานการณ์ที่หน่วยงานของรัฐบาลถูกปิดทำการ หรือชัตดาวน์ รอบที่สองหรือไม่
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,315.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 3.8 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 15.652 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 791.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1372.60 ดอลลาร์/ออนซ์
แม้สัญญาทองคำปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ แต่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 97 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 15 ก.พ. อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ทำให้ประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พึงพอใจ เนื่องจากข้อตกลงครั้งนี้เป็นเพียงการเห็นพ้องกันในการสร้างรั้วกั้นพื้นที่แนวชายแดน วงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตวงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการ