สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรต่ำกว่าคาด ส่งผลกดดันดอลลาร์อ่อนค่า และฉุดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 13.20 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 1,299.30 ดอลลาร์/ออนซ์
โลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 30.90 เซนต์ หรือ 2.05% ปิดที่ 15.349 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.5 ดอลลาร์ หรือ 0.06% ปิดที่ 817.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 23.40 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,459.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองพุ่งขึ้นสวนทางตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและดอลลาร์ที่ปรับตัวลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 20,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2560 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานร่วงลงสู่ระดับ 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.9%
นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดเงินมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดี ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ สู่ระดับ 1.1% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.7%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐและดอลลาร์ที่ปรับตัวลง ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลงอย่างมาก สู่ระดับ 97.30 เมื่อคืนนี้
ราคาทองและดอลลาร์มักปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองมักจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ จะเข้าซื้อทองสกุลดอลลาร์ได้ในราคาที่ถูกลง