สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยสัญญาทองคำกลับมายืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ได้อีกครั้ง เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของกระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 11.20 ดอลลาร์ หรือ 0.86% ปิดที่ 1,309.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 4.3 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 15.456 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 9.8 ดอลลาร์ หรือ 1.18% ปิดที่ 841.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 16.70 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1506.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลงกว่า 0.39% สู่ระดับต่ำกว่า 96.5525 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำมีราคาถูกลงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่นๆ
นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Brexit โดยรายงานล่าสุดระบุว่า รัฐสภาอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 321 ต่อ 278 เสียงเมื่อวานนี้ ไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง ส่วนในขั้นตอนตอนไปนั้น รัฐสภาจะทำการลงมติในวันนี้ว่าจะเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่
หากรัฐสภาอังกฤษมีมติเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลก็จะต้องทำการเจรจากับ EU ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป อังกฤษก็จะแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.