สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) เนื่องจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ได้ลดความน่าดึงดูดของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขการส่งออกที่แข็งแกร่งของจีน และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่สดใสของยูโรโซน เป็นปัจจัยลบต่อตลาดทองด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 3.90 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,291.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.2 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 14.975 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 894.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 15.50 ดอลลาร์ หรือ 1.20% ปิดที่ 1,334.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองปรับตัวลง เนื่องจากมีความน่าดึงดูดน้อยลงในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังใกล้ที่จะได้ข้อสรุป
นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขการส่งออกที่แข็งแกร่งของจีน และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่สดใสของยูโรโซน เป็นปัจจัยลบต่อตลาดทองด้วย
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกของจีนพุ่งขึ้น 21.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัวลง 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยตัวเลขดังกล่าวคำนวณในรูปสกุลเงินหยวน
มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 7.01 ล้านล้านหยวน (1.04 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ทั้งนี้ ยอดส่งออกในไตรมาสแรกขยายตัว 6.7% เทียบรายปี แตะที่ระดับ 3.77 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดนำเข้าขยับขึ้น 0.3% แตะที่ 3.24 ล้านล้านหยวน
อย่างไรก็ตาม ราคาทองยังคงได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.01% สู่ระดับ 96.93 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่นๆ