ราคาทองฟิวเจอร์พลิกพุ่งเหนือ 1,400 ดอลลาร์ หลังทรุดหนักวานนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 2, 2019 23:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์พลิกกลับมาพุ่งขึ้นทะลุ 1,400 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่ทรุดตัวลงวานนี้ ทำสถิติดิ่งลงมากที่สุดภายในวันเดียวเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ในรอบ 2 ปีครึ่ง

ราคาทองได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาทอง

ณ เวลา 22.49 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ดีดตัวขึ้น 16.10 ดอลลาร์ หรือ 1.16% สู่ระดับ 1,405.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองฟิวเจอร์ปิดตลาดวานนี้ร่วงลง 24.40 ดอลลาร์ หรือ 1.73% ที่ระดับ 1,389.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นดอลลาร์และหุ้น หลังจากผู้นำสหรัฐและจีนได้บรรลุข้อตกลงสงบศึกการค้า

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) วงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์

ณ เวลา 20.44 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.25% สู่ระดับ 108.16 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.14% สู่ระดับ 122.19 เยน และดีดตัวขึ้น 0.12% สู่ระดับ 1.1299 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.14% สู่ระดับ 96.71

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ตกลงกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่จะเริ่มการหารือทางการค้าอีกครั้ง บนพื้นฐานของความเท่าเทียม และความเคารพซึ่งกันและกัน โดยสหรัฐและจีนจะระงับการเพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าครั้งใหม่

นอกจากนี้ สหรัฐจะอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ สามารถซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์สหรัฐ และบริษัทสหรัฐสามารถขายอุปกรณ์ให้กับหัวเว่ย โดยจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ

อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ถูกกดดัน หลังมีข่าวว่า สหรัฐกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้านำเข้าจาก EU วงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ต่อการที่ EU ให้เงินอุดหนุนอย่างผิดกฎหมายแก่อุตสาหกรรมผลิตเครื่องบิน

ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU จำนวน 89 รายการ คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยรายการสินค้าดังกล่าวครอบคลุมถึง ชีส นม กาแฟ ผลิตภัณฑ์โลหะบางชนิด เช่นทองแดง รวมถึงวิสกี้ และผลิตภัณฑ์เนื้อหมู

การที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อ EU หรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับผลการตัดสินขององค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่ EU ให้เงินอุดหนุนการผลิตเครื่องบิน โดยเฉพาะต่อบริษัทแอร์บัส

ขณะเดียวกัน USTR จะจัดทำประชาพิจารณ์ในเดือนหน้าเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อ EU


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ