ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ โดยได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 23.13 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ดีดตัวขึ้น 14.40 ดอลลาร์ หรือ 1.02% สู่ระดับ 1,425.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงล่างของกรอบ 108 เยน หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าสูงเกินจริง และเตือนว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ณ เวลา 22.13 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.12% สู่ระดับ 108.09 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.05% สู่ระดับ 121.36 เยน และดีดตัวขึ้น 0.18% สู่ระดับ 1.1229 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.18% สู่ระดับ 97.21
IMF เผยแพร่รายงาน External Sector Report ในวันนี้ โดยระบุว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าสูงเกินจริงถึง 6-12% เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในระยะใกล้ ขณะที่สกุลเงินเยน หยวน และยูโร มีมูลค่าสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน
อย่างไรก็ดี IMF ระบุว่า แม้ยูโรมีมูลค่าสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของยุโรป แต่ก็มีมูลค่าต่ำเกินไป 8-18% เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานของเยอรมนี เมื่อพิจารณาถึงตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงของเยอรมนี
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า แม้สกุลเงินหยวนมีมูลค่าสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของจีน แต่แบบจำลองของ IMF แสดงมูลค่าของหยวนที่แตกต่างกันต่อนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน นับตั้งแต่มีมูลค่าต่ำเกินไป 11.5% ไปจนถึงมากเกินไป 8.5% อันเนื่องจากความไม่แน่นอนของแนวโน้มนโยบายเศรษฐกิจของจีน
ขณะเดียวกัน IMF เตือนว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังส่งผลกระทบต่อการค้าในระดับโลก ขณะที่บั่นทอนความเชื่อมั่น และเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน รวมทั้งจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกคิดเป็นมูลค่า 455,000 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า และยังคงอยู่ห่างไกลจากการบรรลุข้อตกลงทางการค้า
ปธน.ทรัมป์ยังขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดทั้ง 12 ภาคในวันนี้