ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งเกือบ 2% จากอานิสงส์ดอลลาร์อ่อนค่า,สงครามการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday August 3, 2019 00:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 00.13 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ดีดตัวขึ้น 26.70 ดอลลาร์ หรือ 1.86% สู่ระดับ 1,459.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 165,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 193,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

ส่วนอัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 3.7% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี

ตลาดการเงินเพิ่มคาดการณ์สู่ระดับเกือบ 100% ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนครั้งใหม่ รวมทั้งสหรัฐมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซา

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสถึง 95.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. จากระดับไม่ถึง 50% เมื่อวันพุธ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเพิ่มการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ โดยมีแนวโน้ม 68.9% จากเดิมที่ระดับ 39%

ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุเช่นกันว่า การที่ปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ เพื่อปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการค้า

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความวานนี้ ระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.

นายเบรตต์ ไรอัน นักวิเคราะห์จากดอยซ์แบงก์ ระบุว่า การประกาศของปธน.ทรัมป์ได้เพิ่มโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 0.75% ในปีนี้

ส่วนนายลู เบรียน นักวิเคราะห์จากดีอาร์ดับเบิลยู โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า หากปัญหาทางการค้าได้ลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบ เฟดก็คงไม่สามารถรักษาแผนการเดิมที่จะจำกัดการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหม่ของเฟดจะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงการปรับนโยบายในช่วงกลางวัฏจักร แต่จะมีความจำเป็นในการป้องกันการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ