สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทองซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฟื้นตัว และรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถอย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.60 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,523.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 9.2 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 17.122 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 9.5 ดอลลาร์ หรือ 1.13% ปิดที่ 851.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,441.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลง หลังดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq พุ่งขึ้นมากกว่า 1% โดยสัญญาทองคำมักปรับตัวลงสวนทางกับตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนไม่จำเป็นต้องเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นได้เพิ่มแรงกดดันต่อสัญญาทองคำล่วงหน้าด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 98.17 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าลดความน่าดึงดูดของทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือครองเงินสกุลอื่นๆ
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ถ่วงราคาทองลงด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. ขณะที่ยอดค้าปลีกและบริการด้านอาหาร เพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 5.235 แสนล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาทองคำปรับตัวลงในวันศุกร์ แต่ก็เพิ่มขึ้นรายสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าที่รุนแรงขึ้น และความเป็นไปได้ที่ภาวะเศรษฐกิจโลกจะถดถอย