สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคและยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 1,505.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.2 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 17.926 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดที่ 933.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,744.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองได้แรงหนุนหลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 95.5 ในเดือนต.ค. จากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 96.0 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 96.0 แต่ปรับตัวขึ้นจากระดับ 93.2 ในเดือนก.ย.
ส่วนกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ 9.84 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2562 เพิ่มขึ้น 26% จากปี 2561 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีความน่าดึงดูดน้อยลง โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.25% แตะที่ระดับ 97.87 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ราคาทองมักปรับตัวสวนทางกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น นักลงทุนอาจชะลอซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากราคาทองในรูปสกุลเงินดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ใช้สกุลเงินอื่น