ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 5 ดอลล์ ขานรับจีนผ่อนคลายการเงิน,จับตารายงานประชุมเฟด

ข่าวต่างประเทศ Friday January 3, 2020 07:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) เนื่องจากตลาดขานรับธนาคารกลางจีนที่ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1528.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 2562

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 12.5 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 18.046 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 7.2 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 985.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 18.70 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,928 ดอลลาร์/ออนซ์

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อาร์บีซี เวลธ์ เมเนจเมนท์ได้แสดงความเห็นว่า นักลงทุนในตลาดทองคำเริ่มปรับมุมมองด้านการลงทุน จากเดิมที่เคยให้น้ำหนักอย่างมากกับความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นและสกุลเงินดอลลาร์ ไปเป็นการจับตาแนวโน้มการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก โดยล่าสุด ธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ลง 0.50% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจที่แท้จริง

นักวิเคราะห์หลายราย ซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์จากบริษัทโกลด์ซิลเวอร์ เซนทรัล ในสิงคโปร์ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มทะยานขึ้นอีกในปี 2563 พร้อมกับคาดว่า การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit), การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ, เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกง และสถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่จะทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ด้านโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจของสหรัฐคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2563 และคาดว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเพิ่มการซื้อทองคำเข้าสู่คลังสำรอง

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ