สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (26 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานทองแดงในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากบริษัทฟรีพอร์ต-แมคโมแรน (Freeport-McMoRan) ประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) ที่เหมืองกราสเบิร์กในประเทศอินโดนีเซีย รวมทั้งข่าวบริษัทฮัดเบย์ มิเนอรัลส์ (Hudbay Minerals) ปิดโรงงานแปรรูปทองแดงในประเทศเปรู
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.35 เซนต์ หรือ +0.28% ปิดที่ 4.7715 ดอลลาร์/ปอนด์
บริษัทฟรีพอร์ต-แมคโมแรนประกาศภาวะสุดวิสัยเมื่อวันที่ 24 ก.ย. หลังเกิดเหตุดินถล่มครั้งใหญ่ที่เหมืองกราสเบิร์กในอินโดนีเซีย ส่งผลให้มีพนักงานเหมืองเสียชีวิต 2 ราย และสูญหายอีก 5 ราย โดยฟรีพอร์ตเตือนว่าทางบริษัทอาจไม่สามารถส่งมอบทองแดงตามสัญญาได้เต็มจำนวน โดยเหมืองกราสเบิร์กเป็นเหมืองทองแดงขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีสัดส่วนการผลิตทองแดงราว 3% ของโลก
ทั้งนี้ ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ข้อพิพาทด้านแรงงาน การประท้วง การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
โกลด์แมนแซคส์ปรับลดคาดการณ์อุปทานทองแดงจากเหมืองทั่วโลกในปี 2568 และ 2569 หลังเกิดเหตุดินถล่มที่เหมืองกราสเบิร์ก โดยประเมินว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้อุปทานทองแดงหายไป 5.25 แสนตัน พร้อมปรับลดคาดการณ์อุปทานทองแดงทั่วโลกครึ่งหลังของปี 2568 ลง 160,000 ตัน และปี 2569 ลง 200,000 ตัน นอกจากนี้ โกลด์แมนแซคส์คาดว่าการผลิตทองแดงในเหมืองกราสเบิร์กจะลดลงเหลือ 2.52.6 แสนตันในปี 2568 และ 2.7 แสนตันในปี 2569
ทางด้านบริษัทฮัดเบย์ มิเนอรัลส์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่สัญชาติแคนาดาเปิดเผยว่า โรงงานคอนสแตนเซีย (Constancia) ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปทองแดงในเปรูของบริษัทได้ถูกปิดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากเหตุจลาจลในกรุงลิมา และการประท้วงหลายแห่งทั่วประเทศ