หุ้นในกลุ่มโลหะสำคัญและแร่หายากของออสเตรเลียพุ่งแรงในการซื้อขายวันนี้ (21 ต.ค.) หลังมีการประกาศข้อตกลงแร่สำคัญมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างสหรัฐอเมริกากับออสเตรเลีย ซึ่งมุ่งเพิ่มอุปทานวัสดุสำคัญสำหรับภาคการป้องกันประเทศและความมั่นคงด้านพลังงาน
ข้อตกลงดังกล่าวลงนามโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 20 ต.ค. โดยจะให้ทุนสนับสนุนหลายโครงการที่สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที ซึ่งทั้งสองประเทศจะร่วมลงทุนประเทศละ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
ในขณะที่ข้อมูลเพิ่มเติมจากทำเนียบขาวระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะลงทุนรวมกันมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน ภายใต้กรอบความร่วมมือใหม่ และธนาคารส่งออก-นำเข้าแห่งสหรัฐฯ จะออกหนังสือแสดงความสนใจ (Letter of Interest) จำนวน 7 ฉบับ มูลค่ากว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจนำไปสู่การลงทุนรวมสูงสุดถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข่าวดีดังกล่าวส่งผลให้หุ้นบริษัทเหมืองหลายแห่งในออสเตรเลียทะยานขึ้น โดยหุ้น Lynas Rare Earths ผู้ผลิตแร่หายากรายใหญ่ที่สุดของประเทศพุ่งขึ้นราว 4.7% ขณะที่หุ้น Iluka Resources ผู้ผลิตทรายแร่พุ่งขึ้นกว่า 9% และหุ้น Pilbara Minerals ผู้ผลิตลิเทียมปรับตัวขึ้นราว 5%
บรรดาผู้ผลิตรายเล็กก็ได้อานิสงส์ด้วยเช่นกัน โดยหุ้น VHM พุ่งขึ้นราว 30% หุ้น Northern Minerals พุ่งขึ้นกว่า 16% และหุ้น Latrobe Magnesium ผู้ผลิตแมกนีเซียมหลักของออสเตรเลียทะยานเกือบ 47%
ขณะที่หุ้น Alcoa ซึ่งซื้อขายในตลาดหุ้นออสเตรเลียผ่าน CHESS Depositary Interests พุ่งขึ้นเกือบ 10% ทั้งนี้ บริษัท Alcoa ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และมีโครงการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเพื่อผลิตแกลเลียม (Gallium) ถูกระบุให้เป็นหนึ่งในสองโครงการสำคัญภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ โดยสหรัฐฯ จะเข้าลงทุนโดยตรง
ทั้งนี้ แร่หายากและโลหะสำคัญถือเป็นวัสดุหลักในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ และอุปกรณ์ทางการทหาร โดยจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกได้เข้มงวดการส่งออกวัสดุเหล่านี้ท่ามกลางสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ต้องเร่งกระจายห่วงโซ่อุปทานเพื่อความมั่นคงด้านทรัพยากร