🚀*ราคาโลหะเงินพุ่งจ่อแตะ $70 ทำ All Time High ทะยานกว่า 141% ปีนี้แซงหน้าทอง!

ราคาโลหะเงินพุ่งขึ้นจ่อทะลุระดับ 70 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในวันนี้ สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทอง

ล่าสุด ราคาเงินสปอตพุ่งขึ้น 1% สู่ระดับ 69.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากแตะระดับ 69.98 ดอลลาร์ในช่วงแรก

ทั้งนี้ ราคาเงินทะยานขึ้นมากกว่า 141% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ มากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับราคาทองซึ่งพุ่งขึ้นกว่า 70%

ราคาเงินได้แรงหนุนจากภาวะขาดแคลนอุปทานในตลาด ท่ามกลางความต้องการใช้ในด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งได้ปัจจัยบวกจากกระแสเงินลงทุนในตลาด

นายไมเคิล บราวน์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Pepperstone กล่าวว่า ราคาเงินจะดีดตัวขึ้นต่อไป โดยมีเป้าหมายระยะยาวอยู่ที่ระดับ 75 ดอลลาร์/ออนซ์

ขณะเดียวกัน ราคาพลาตินั่มสปอตพุ่งขึ้น 1.2% สู่ระดับ 2,145.10 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 17 ปี ส่วนราคาพัลลาเดียมดีดตัวขึ้น 3.4% สู่ระดับ 1,819.00 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยราคาพลาตินั่มและพัลลาเดียมต่างปรับตัวขึ้นตามราคาทองและเงิน

ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4,500 ดอลลาร์ในวันนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ขณะที่ราคาทองสปอตใกล้แตะระดับ 4,500 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เช่นกัน โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเวเนซุเอลา

ณ เวลา 17.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. บวก 46.20 ดอลลาร์ หรือ 1.03% สู่ระดับ 4,515.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนราคาทองสปอต บวก 50.65 ดอลลาร์ หรือ 1.14% สู่ระดับ 4,484.95 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากแตะระดับ 4,497.55 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงแรก

สหรัฐยังคงทำการยึดเรือบรรทุกน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะงักงันในการขนส่งน้ำมันในตลาด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันทั้งหมดที่ถูกคว่ำบาตร มิให้เดินทางเข้าและออกจากเวเนซุเอลา

ราคาทองพุ่งขึ้นกว่า 70% นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ส่งผลให้ทองเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในปีนี้มากกว่าการลงทุนในหุ้น บิตคอยน์ น้ำมัน และดอลลาร์สหรัฐ โดยได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความกังวลทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การซื้อทองคำของธนาคารกลางต่าง ๆ, แนวโน้มการลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการไหลเข้าของเงินลงทุนเข้าสู่กองทุน ETF ทอง

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ ขณะที่ความเป็นอิสระและความน่าเชื่อถือของเฟดได้ถูกตั้งคำถาม หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง

นายไมเคิล บราวน์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Pepperstone กล่าวว่า ราคาทองจะดีดตัวขึ้นต่อไป โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า