ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (21 พ.ค.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน นำโดยสัญญาข้าวสาลีที่ราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 6.50 เซนต์ หรือ +1.43% ปิดที่ 4.6100 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.25 เซนต์ หรือ +0.60% ปิดที่ 5.4925 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 9.75 เซนต์ หรือ +0.93% ปิดที่ 10.6275 ดอลลาร์/บุชเชล
บรรดาเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาสัญญาข้าวสาลีทะยานขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต (short-covering) อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลเรื่องปริมาณผลผลิตทั่วโลก
ราคาข้าวสาลีปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นโดยเฉพาะในตลาดข้าวสาลีชนิดแข็ง (hard wheat) ที่มินนีแอโพลิสและแคนซัสซิตี อันเนื่องมาจากความกังวลต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตในจีนและรัสเซีย แนวโน้มการเก็บเกี่ยวโดยรวมในซีกโลกเหนือ และสัญญาณความต้องการข้าวสาลีทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
ด้านราคาสัญญาข้าวโพดก็ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางข้าวสาลี ขณะที่เทรดเดอร์ต่างจับตาสถานการณ์การเพาะปลูกของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด และนักวิเคราะห์ตลาดชี้ว่า อัตราส่วนสต๊อกข้าวโพดต่อการใช้งานทั่วโลก (stocks-to-use ratio) สำหรับปีการตลาดที่จะถึงนี้ คาดว่าจะอยู่ในระดับตึงตัวที่สุดนับตั้งแต่เกิดภัยแล้งรุนแรงในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ เมื่อปี 2555
ขณะเดียวกัน สัญญาถั่วเหลืองก็ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ โดยมีปัจจัยหนุนจากความหวั่นวิตกว่าปริมาณฝนที่ตกหนักอาจสร้างความเสียหายแก่ผลผลิตในอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกกากถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลก
นอกจากนี้ สัญญาธัญพืชและเมล็ดพืชให้น้ำมันยังได้รับปัจจัยบวกจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงความคิดเห็นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วยความระมัดระวัง โดยปกติแล้ว เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะช่วยให้สินค้าเกษตรของสหรัฐฯ มีราคาถูกลงในตลาดส่งออก