ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (1 ก.ค.) ราคาสัญญาข้าวโพดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของสัญญา หลังจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้ตอกย้ำแนวโน้มว่าผลผลิตในปีนี้จะมีปริมาณมหาศาล
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 3.25 เซนต์ หรือ -0.79% ปิดที่ 4.0600 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 10.75 เซนต์ หรือ +2.00% ปิดที่ 5.4900 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ หรือ +0.02% ปิดที่ 10.2725 ดอลลาร์/บุชเชล
ปัจจัยหลักมาจากสภาพอากาศในแถบมิดเวสต์ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญของสหรัฐฯ ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมและมีฝนตกต้องตามฤดูกาล ช่วยเพิ่มศักยภาพผลผลิตต่อไร่ ในช่วงที่ต้นข้าวโพดกำลังเข้าสู่ระยะผสมเกสรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเจริญเติบโต โดยรายงานล่าสุดจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ระบุว่า คุณภาพผลผลิตข้าวโพดดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่นักลงทุนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี การร่วงลงของราคาไม่ได้รุนแรงไปกว่านี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขายและปรับสถานะการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนถึงช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ (Independence Day)
สำหรับสัญญาถั่วเหลืองนั้น ราคาแทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยแม้ถูกกดดันจากแนวโน้มผลผลิตที่ดี แต่ราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ช่วยพยุงราคาไว้ได้ ทั้งนี้ คุณภาพผลผลิตถั่วเหลืองยังคงดีเป็นอันดับสองในรอบ 5 ฤดูกาล
ขณะเดียวกัน ราคาสัญญาข้าวสาลีดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเทคนิค ประกอบกับการที่นักลงทุนเข้าซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต (short-covering) หลังจากราคาปรับลดลงมาหลายวันติดต่อกัน