ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพฤหัสบดี (17 ก.ค.) สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปิดลดลง ขณะที่สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์จากแรงซื้อทางเทคนิค หลังตลาดฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.00 เซนต์ หรือ -0.71% ปิดที่ 4.2100 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 7.75 เซนต์ หรือ -1.43% ปิดที่ 5.3350 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 6.00 เซนต์ หรือ +0.59% ปิดที่ 10.2650 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาข้าวโพดปรับตัวลงหลังบวกขึ้นต่อเนื่องตลอด 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของสัญญาที่ทำไว้เมื่อวันจันทร์ ส่วนสัญญาข้าวสาลีปิดลบ หลังร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.
ทั้งสองตลาดยังคงเผชิญแรงกดดันจากการคาดการณ์ว่า ผลผลิตในฤดูใบไม้ร่วงของสหรัฐฯ จะมีปริมาณมาก และสภาพอากาศโดยรวมเป็นใจต่อการเพาะปลูกในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวโพดรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถั่วเหลืองรายใหญ่อันดับสองของโลก
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ระบุว่า ยอดส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ สำหรับการจัดส่งในฤดูกาล 2568-2569 ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ค. อยู่ที่ 529,600 ตัน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 150,000-400,000 ตัน ส่วนยอดส่งออกข้าวโพดของสหรัฐฯ อยู่ที่ 565,900 ตัน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า แม้การอ่อนตัวของราคาดึงดูดความต้องการจากผู้ซื้อ แต่แนวโน้มสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเพาะปลูกอาจทำให้ราคาลดต่ำสุดอีกครั้งในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สร้างความกังวลต่อความต้องการข้าวโพด หลังระบุเมื่อวันพุธว่า Coca-Cola ตกลงที่จะใช้ น้ำตาลอ้อยในการผลิตเครื่องดื่มในสหรัฐฯ แทนไซรัปข้าวโพด ซึ่งโดยปกติเครื่องดื่มของโคคา-โคลาในตลาดสหรัฐฯ ใช้น้ำเชื่อมข้าวโพดเป็นสารให้ความหวาน โดยข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ข้าวโพดราว 400 ล้านบุชเชลถูกใช้ต่อปีในการผลิตน้ำเชื่อมข้าวโพดสำหรับเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์อาหาร คิดเป็นราว 2.5% ของผลผลิตข้าวโพดสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน PepsiCo ระบุว่ากำลังขยายการใช้น้ำมันอะโวคาโดและน้ำมันมะกอก แทนน้ำมันคาโนลาหรือน้ำมันถั่วเหลืองที่ใช้เดิม