ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (22 ก.ค.) สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวลงต่อเนื่องจากคาดการณ์สภาพอากาศที่เป็นผลดีต่อการเพาะปลูกในสหรัฐฯ สวนทางกับสัญญาข้าวสาลีที่ราคาดีดตัวขึ้น หลังรัสเซียมีแนวโน้มปรับลดคาดการณ์ผลผลิต
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.25 เซนต์ หรือ -1.01% ปิดที่ 4.1800 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 7.25 เซนต์ หรือ +1.34% ปิดที่ 5.4950 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 0.50 เซนต์ หรือ -0.05% ปิดที่ 10.2550 ดอลลาร์/บุชเชล
ปัจจัยหลักที่กดดันราคาข้าวโพดคือการคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในเขตเพาะปลูกธัญพืชในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนจัดก่อนหน้านี้ และส่งผลดีต่อแนวโน้มผลผลิต สะท้อนจากรายงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) เมื่อวันจันทร์ (21 ก.ค.) ที่ประเมินคุณภาพข้าวโพดในเกณฑ์ดีถึงดีเยี่ยมสูงถึง 74% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วงเดียวกันของปีนับตั้งแต่ปี 2559 นอกจากนี้ ตลาดข้าวโพดยังถูกกดดันจากรายงานของ AgRural ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลผลิตข้าวโพดของบราซิลในฤดูกาล 2567/68 ขึ้นเป็น 136.3 ล้านตัน
ในทางกลับกัน สัญญาข้าวสาลีได้รับแรงหนุนหลังจากนักวิเคราะห์ตลาดระบุว่า รัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ปรับลดคาดการณ์ปริมาณการเก็บเกี่ยวและการส่งออก ขณะที่ข้าวสาลีผลผลิตใหม่ล็อตแรกจากรัสเซียได้เริ่มเข้าสู่ตลาดแล้ว
ด้านสัญญาถั่วเหลืองปิดลบเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดจับตาการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หลังจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะพบกับคู่เจรจาฝ่ายจีนในสัปดาห์หน้าที่กรุงสตอกโฮล์ม เพื่อหารือถึงแนวโน้มการขยายเส้นตายข้อตกลงทางการค้าวันที่ 12 ส.ค. ออกไป
จิม เกอร์ลัค ประธานบริษัทโบรกเกอร์ A/C Trading ให้ความเห็นว่า "ตลาดในช่วงนี้ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยด้านสภาพอากาศเป็นหลัก" พร้อมเสริมว่า นักลงทุนอาจเริ่มให้น้ำหนักกับประเด็นที่ว่ากำหนดเส้นตายการขึ้นภาษีในวันที่ 1 ส.ค. สำหรับคู่ค้าส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่