ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (26 ส.ค.) สัญญาข้าวโพดปรับตัวลดลงจากแรงเทขายของเกษตรกร ขณะที่สัญญาถั่วเหลืองขยับขึ้นเล็กน้อยหลังเคลื่อนไหวอย่างผันผวน ส่วนข้าวสาลีดีดตัวขึ้นในทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มผลผลิตของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะออกมาในปริมาณมหาศาล ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันไม่ให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปได้มากนัก
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.75 เซนต์ หรือ -0.67% ปิดที่ 4.0950 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.00 เซนต์ หรือ +0.38% ปิดที่ 5.3175 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้น 1.75 เซนต์ หรือ +0.17% ปิดที่ 10.4950 ดอลลาร์/บุชเชล
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดยังคงมาจากรายงานภาวะผลผลิตของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (25 ส.ค.) ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดย USDA ได้ปรับเพิ่มระดับคุณภาพผลผลิตถั่วเหลืองในเกณฑ์ "ดีถึงดีเยี่ยม" ขึ้นสู่ระดับ 69% จาก 68% ในสัปดาห์ก่อนหน้า และคงระดับคุณภาพข้าวโพดไว้ที่ 71% ไม่เปลี่ยนแปลง
การคาดการณ์ผลผลิตที่อยู่ในระดับสูงของสหรัฐฯ เกิดขึ้นในขณะที่จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ยังคงชะลอการสั่งซื้อ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ
นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาข้าวโพดได้รับแรงกดดันโดยตรงจากการที่เกษตรกรเร่งระบายผลผลิตเก่าในสต๊อก เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับผลผลิตใหม่ในฤดูกาลนี้ที่คาดว่าจะมีปริมาณมาก
ขณะเดียวกัน ราคาข้าวสาลีได้รับอานิสงส์จากการดีดตัวทางเทคนิค หลังจากนักลงทุนเข้าซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต (short covering) อย่างไรก็ดี ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากตลาดโลกยังคงเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยล่าสุด IKAR ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของรัสเซีย ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลผลิตข้าวสาลีของประเทศในปี 2568 ขึ้นเป็น 86.0 ล้านตัน และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การส่งออกเป็น 43.0 ล้านตัน โดยรัสเซียถือเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก