ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (3 ก.ย.) สัญญาข้าวโพดปรับตัวลดลง หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยเผชิญแรงเทขายทำกำไรและแรงกดดันจากคาดการณ์ผลผลิตที่คาดว่าจะออกมาสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาถั่วเหลืองร่วงลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ท่ามกลางความกังวลว่าความตึงเครียดทางการค้าจะทำให้จีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ ชะลอการสั่งซื้อ ส่วนข้าวสาลีก็ถูกกดดันจากปริมาณอุปทานที่ล้นตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.00 เซนต์ หรือ -1.18% ปิดที่ 4.1800 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.25 เซนต์ หรือ -1.18% ปิดที่ 5.2200 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 9.50 เซนต์ หรือ -0.91% ปิดที่ 10.3150 ดอลลาร์/บุชเชล
การปรับตัวลงของราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองเกิดขึ้นสวนทางกับความกังวลของนักลงทุนบางส่วนที่มองว่า ตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจสูงเกินจริง หลังจากมีรายงานสภาพอากาศแห้งแล้งและโรคระบาดในพื้นที่เพาะปลูกบางแห่งของแถบมิดเวสต์ ซึ่งอาจฉุดให้ผลผลิตต่อไร่ลดต่ำลง
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) เพิ่งปรับลดอันดับความสมบูรณ์ของผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองไปในรายงานประจำสัปดาห์เมื่อวันจันทร์ (1 ก.ย.)
ก่อนหน้านี้ ตลาดเคยขานรับความหวังเรื่องการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งหนุนให้ราคาถั่วเหลืองทะยานสู่จุดสูงสุดในรอบหลายเดือนเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ทว่าบรรยากาศการลงทุนกลับพลิกผันเป็นลบ โดยเฉพาะเมื่อจีนเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำชาตินอกตะวันตกในสัปดาห์นี้ ทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงท่าทีแข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ
ดอน รูส ประธานบริษัท U.S. Commodities ให้ความเห็นว่า "ปัจจัยเรื่องจีนน่าจะมีน้ำหนักมากที่สุด รองลงมาคือการที่ฤดูเก็บเกี่ยวกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ซึ่งจะทำให้การคาดเดาตัวเลขผลผลิตสิ้นสุดลงในไม่ช้า"
"จีนยังคงไม่ก้าวเข้ามาซื้อถั่วเหลืองของเราอย่างจริงจัง ทุกสัปดาห์ที่ผ่านไปโดยไม่มีคำสั่งซื้อ หมายถึงโอกาสทางธุรกิจที่เราเสียไป" รูสกล่าวสำหรับสัญญาข้าวสาลีได้รับแรงกดดันจากราคาในรัสเซียที่ปรับตัวลดลง หลังแนวโน้มผลผลิตในฐานะผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกดูดีขึ้น ประกอบกับออสเตรเลียก็คาดว่าจะมีผลผลิตสูงกว่าค่าเฉลี่ยเช่นกัน