ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน โดยสัญญาถั่วเหลืองได้แรงหนุน หลังจากอาร์เจนตินากลับมาเก็บภาษีส่งออกธัญพืชอีกครั้งหลังจากระงับชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ ทำให้ความได้เปรียบด้านราคาของอาร์เจนตินาลดลง และความสามารถในการแข่งขันกับสหรัฐฯ กลับมาใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.50 เซนต์ หรือ +0.35% ปิดที่ 4.2575 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.50 เซนต์ หรือ +1.44% ปิดที่ 5.2700 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 3.25 เซนต์ หรือ +0.32% ปิดที่ 10.1225 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาข้าวโพดก็ขยับขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนติดตามรายงานการเก็บเกี่ยวช่วงแรกในสหรัฐฯ ส่วนสัญญาข้าวสาลีฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดของสัญญาและปิดในแดนบวกได้
อาร์เจนตินากลับมาเก็บภาษีส่งออกธัญพืชและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปธัญพืช หลังจากทำยอดขายแตะเป้าหมาย 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ระงับการเก็บภาษีเมื่อวันจันทร์ โดยการระงับดังกล่าวทำให้การส่งออกถั่วเหลืองของอาร์เจนตินาในฤดูกาล 2567/68 พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี และกระตุ้นการซื้อขายอย่างคึกคัก
เทรดเดอร์เปิดเผยว่า ผู้ซื้อชาวจีนได้จองซื้อถั่วเหลืองจากอาร์เจนตินาประมาณ 1.3 ล้านตัน หลังจากอาร์เจนตินาระงับการเก็บภาษี ซึ่งถือเป็นผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐฯ ที่ถูกกีดกันออกจากตลาดหลักอย่างจีนตั้งแต่เกิดสงครามการค้าระหว่างกัน
สัญญาถั่วเหลืองฟื้นตัวหลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวันอังคาร หลังจากจีนหันไปซื้อถั่วเหลืองจากอาร์เจนตินา โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดสหรัฐฯ จะยังคงเผชิญแรงกดดันจากการที่จีนหันไปพึ่งพาซัพพลายจากอเมริกาใต้
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขายส่งออกถั่วเหลืองสุทธิของสหรัฐฯ สำหรับฤดูกาล 2568/69 อยู่ที่ 724,500 ตัน ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์นักวิเคราะห์ที่ 600,000-1.6 ล้านตัน และยอดขายส่งออกข้าวโพดประจำสัปดาห์อยู่ที่ 1.9 ล้านตัน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1-1.8 ล้านตัน
ส่วนการเก็บเกี่ยวข้าวโพดและถั่วเหลืองในสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่สร้างแรงกดดันต่อราคา อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลผลิตข้าวโพดยังช่วยพยุงตลาดได้