ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันศุกร์ (26 ก.ย.) สัญญาข้าวสาลีและข้าวโพดปิดลบเนื่องจากนักลงทุนปรับโพสิชั่นการลงทุนก่อนสิ้นไตรมาส 3 และก่อนที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกธัญพืช
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.75 เซนต์ หรือ -0.88% ปิดที่ระดับ 4.220 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.25 เซนต์ หรือ -1.38% ปิดที่ 5.1975 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.50 เซนต์ หรือ +0.15% ปิดที่ 10.1375 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาข้าวสาลียังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มอุปทานล้นตลาด โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า USDA จะรายงานว่าสต็อกข้าวสาลีในสหรัฐฯ ณ วันที่ 1 ก.ย.จะอยู่ที่ระดับ 2.043 พันล้านบุชเชล เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.992 พันล้านบุชเชล นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ประเมินผลผลิตข้าวสาลีของสหรัฐฯ อยู่ที่ 1.925 พันล้านบุชเชล ใกล้เคียงกับการประมารการของ USDA ที่ระดับ 1.927 พันล้านบุชเชล
ส่วนสัญญาข้าวโพดปิดลบหลังจากมีรายงานว่า เกษตรกรในสหรัฐฯ เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่กลุ่ม Commodity Weather Group คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่แห้งจะเอื้อต่อการเก็บเกี่ยวได้มากขึ้น นอกจากนี้ สัญญาข้าวโพดยังอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนปรับโพสิชั่นการลงทุนก่อนที่ USDA จะเปิดเผยรายงานความคืบหน้าด้านการเก็บเกี่ยวข้าวโพดในวันจันทร์ (28 ก.ย.)
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า USDA จะประเมินการเก็บเกี่ยวข้าวโพดในสหรัฐฯ ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
สัญญาถั่วเหลืองปิดขยับขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ร่วงลงในช่วงต้นสัปดาห์ อันเนื่องมาจากข่าวจีนหลีกเลี่ยงซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐฯ และหันไปซื้อถั่วเหลืองของอาร์เจนตินา
เทรดเดอร์เปิดเผยว่า มีการลงทะเบียนซื้อถั่วเหลืองจากอาร์เจนตินาประมาณ 40 ตู้ขนส่งเพื่อส่งออกในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค. ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังประเทศจีน หลังจากที่อาร์เจนตินาระงับการเรียกเก็บภาษีส่งออกชั่วคราวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพยุงค่าเงินเปโซ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อราคาถั่วเหลืองในตลาด CBOT โดยทำให้ราคาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหกสัปดาห์เมื่อวันอังคาร (23 ก.ย.)