ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (29 ก.ย.) สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวลดลงในการซื้อขายที่ผันผวน โดยมีสาเหตุหลักมาจากแรงกดดันของผลผลิตใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาดในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดยังคงจับตาความไม่แน่นอนเกี่ยวกับรายงานสต๊อกธัญพืชรายไตรมาสของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันอังคารนี้ (30 ก.ย.) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาไว้ไม่ให้ปรับตัวลงไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 0.50 เซนต์ หรือ -0.12% ปิดที่ 4.2150 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 0.25 เซนต์ หรือ -0.05% ปิดที่ 5.1950 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 3.25 เซนต์ หรือ -0.32% ปิดที่ 10.1050 ดอลลาร์/บุชเชล
ปัจจัยที่เร่งให้การเก็บเกี่ยวรวดเร็วยิ่งขึ้นคือสภาพอากาศที่อบอุ่นและแห้งในเขตคอร์นเบลท์ (Corn Belt) ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวโพดที่สำคัญของสหรัฐฯ และคาดว่าสภาพอากาศจะยังคงเอื้ออำนวยต่อไปในสัปดาห์นี้ สอดคล้องกับที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าผลผลิตข้าวโพดปีนี้จะสูงเป็นประวัติการณ์ โดยรายงานความคืบหน้าของพืชผลรายสัปดาห์ของ USDA ที่เผยแพร่หลังตลาดปิดทำการระบุว่า ขณะนี้การเก็บเกี่ยวข้าวโพดเสร็จสิ้นไปแล้ว 18% และถั่วเหลือง 19%
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาอยู่บ้าง นั่นคือมีรายงานอย่างไม่เป็นทางการจากบางพื้นที่ว่า ผลผลิตข้าวโพดต่อไร่ออกมาน่าผิดหวังกว่าที่คาดไว้ ทำให้นักลงทุนต่างจับตารอรายงานคาดการณ์ผลผลิตฉบับเต็มจาก USDA ในวันที่ 9 ต.ค. นี้
ความลังเลดังกล่าวยังเกิดขึ้นกับกลุ่มโบรกเกอร์เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ต้องการเปิดสถานะการลงทุนขนาดใหญ่ก่อนที่ USDA จะเปิดเผยรายงานสำคัญ 2 ฉบับในวันอังคาร ได้แก่ รายงานสรุปธัญพืชขนาดเล็กประจำปี และรายงานสต๊อกธัญพืชรายไตรมาส
นอกเหนือจากปัจจัยด้านอุปทานแล้ว ตลาดถั่วเหลืองสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ทำให้ผู้ส่งออกสหรัฐฯ สูญเสียโอกาสในการขายให้กับจีน โดยมีคู่แข่งจากลาตินอเมริกาเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดไป