ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (15 ต.ค.) สัญญาข้าวโพดทะยานขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากบรรดาเกษตรกรเจ้าของผลผลิตที่เพิ่งเก็บเกี่ยวใหม่พากันชะลอการขายและนำเข้าเก็บในสต๊อก ส่งผลให้ราคาในตลาดซื้อขายจริง (Cash Market) ปรับตัวสูงขึ้นทันที ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อคืนเพื่อชดเชยการขายชอร์ต (short covering) และเข้าซื้อตามสัญญาณทางเทคนิคกันอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.75 เซนต์ หรือ +0.91% ปิดที่ 4.1675 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.50 เซนต์ หรือ -0.30% ปิดที่ 4.9875 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดที่ 10.0650 ดอลลาร์/บุชเชล ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ด้านเครก เทิร์นเนอร์ โบรกเกอร์จากบริษัท StoneX ชี้ว่า "ราคาข้าวโพดในตลาดซื้อขายจริงตอนนี้ถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในแถบตะวันออกของสหรัฐฯ ราคาอ้างอิงกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อคืนเพื่อชดเชยการขายชอร์ต"
ในส่วนของราคาถั่วเหลือง แม้จะเผชิญความกังวลเรื่องอุปสงค์ที่ซบเซาจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ แต่ราคากลับทรงตัวได้ โดยได้แรงหนุนสำคัญจากตัวเลขการบีบสกัดน้ำมันประจำเดือนก.ย. ที่สมาคมผู้แปรรูปเมล็ดพืชน้ำมันแห่งชาติ (NOPA) รายงานว่าออกมาสูงเกินคาด
ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะมีการสกัดน้ำมันในปริมาณมหาศาล แต่สต๊อกน้ำมันถั่วเหลืองกลับลดลง สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการจากกลุ่มผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพยังคงร้อนแรง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับข่าวดีหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แย้มว่ากำลังพิจารณายุติการนำเข้าน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากจีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบเชื้อเพลิงชีวภาพคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวสาลีกลับสวนทางดิ่งลง เนื่องจากปริมาณผลผลิตทั่วโลกที่ล้นตลาดและอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ
ขณะเดียวกัน การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ (government shutdown) ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดโดยรวม เนื่องจากทำให้เทรดเดอร์ขาดข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจ เช่น ยอดส่งออกรายสัปดาห์ ทำให้ต้องหันไปจับตาสถานการณ์ราคาในตลาดซื้อขายจริงแทน