ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (10 พ.ย.) สัญญาธัญพืชปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากสัญญาณความคืบหน้าในการยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ รวมถึงความคาดหวังว่าการส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ไปยังจีนจะฟื้นตัวขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.50 เซนต์ หรือ +0.59% ปิดที่ 4.2975 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.00 เซนต์ หรือ +1.52% ปิดที่ 5.3575 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 13.00 เซนต์ หรือ +1.16% ปิดที่ 11.3000 ดอลลาร์/บุชเชล
ขณะเดียวกัน นักลงทุนในตลาดกำลังปรับสถานะเพื่อรอรายงานอุปสงค์-อุปทานสินค้าเกษตรจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ที่จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ (14 พ.ย.) โดยรายงานดังกล่าวรวมถึงประมาณการผลผลิตของสหรัฐฯ และทั่วโลกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย.
ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทปรับตัวสูงขึ้นจากความหวังว่าภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า ทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น บรรยากาศเชิงบวกนี้ได้ส่งผลมาถึงตลาดธัญพืชด้วย ด้านวุฒิสภาสหรัฐฯ ก็มีความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 41 แล้ว
ดอน รูส ประธานบริษัท U.S. Commodities กล่าวว่า ตลาดได้รับแรงหนุนจากความกังวลว่า USDA อาจปรับลดประมาณการผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในรายงานวันศุกร์นี้ เนื่องจากบริษัทเอกชนบางแห่ง เช่น StoneX และ S&P Global Commodity Insights ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโพดของสหรัฐฯ ต่ำกว่าประมาณการของ USDA เมื่อกลางเดือนก.ย. ที่ 186.7 บุชเชลต่อเอเคอร์
นอกจากนี้ ตลาดถั่วเหลืองยังได้แรงหนุนจากมุมมองบวกต่อการที่จีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ราคาร่วงลงหนักในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) เพราะไม่มีการยืนยันคำสั่งซื้อจากจีนแม้จะมีการพักรบทางการค้าไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ราคาได้ฟื้นตัวขึ้นในวันศุกร์ (7 พ.ย.) หลังจากจีนประกาศคืนใบอนุญาตนำเข้าถั่วเหลืองให้กับบริษัทสหรัฐฯ 3 แห่ง ได้แก่ CHS, Louis Dreyfus และ EGT
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการตรวจสอบการส่งออกรายสัปดาห์ที่ USDA เปิดเผยในวันจันทร์ กลับไม่พบการส่งออกธัญพืชหรือเมล็ดพืชน้ำมันของสหรัฐฯ ไปยังประเทศจีนในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย.
ขณะเดียวกัน ตลาดธัญพืชโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ขยับขึ้นได้ในกรอบจำกัด เนื่องจากถูกกดดันจากปริมาณอุปทานของประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ โดยในขณะที่สหรัฐฯ กำลังจะเก็บเกี่ยวข้าวโพดเสร็จสิ้น อาร์เจนตินาและออสเตรเลียก็กำลังจะเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวสาลีเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ รัสเซียยังเร่งส่งออกข้าวสาลีของตนเองอีกด้วย