ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (17 พ.ย.) สัญญาถั่วเหลืองได้ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567 สืบเนื่องจากการที่ COFCO รัฐวิสาหกิจผู้ค้าธัญพืชของจีน กลับมาเร่งกว้านซื้อผลผลิตขนานใหญ่ ภายหลังการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลวอชิงตัน-ปักกิ่งฉบับล่าสุด
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.50 เซนต์ หรือ +1.05% ปิดที่ 4.3475 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 17.00 เซนต์ หรือ +3.14% ปิดที่ 5.5850 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 32.75 เซนต์ หรือ +2.91% ปิดที่ 11.5725 ดอลลาร์/บุชเชล
รายงานข่าวระบุว่า COFCO ได้ทำสัญญาจัดซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เป็นปริมาณไม่ต่ำกว่า 14 ลำเรือ หรือคิดเป็นน้ำหนักอย่างน้อย 840,000 เมตริกตัน โดยมีกำหนดส่งมอบในช่วงเดือนธ.ค.ถึงม.ค. การจัดซื้อครั้งนี้ถือเป็นคำสั่งซื้อล็อตใหญ่ที่สุดของจีน นับตั้งแต่การประชุมสุดยอดเมื่อเดือนต.ค.ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ณ ประเทศเกาหลีใต้
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเคยระบุเมื่อเดือนก่อนว่า จีนตกลงจะซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ปริมาณ 12 ล้านเมตริกตันในปีนี้ ทว่าก่อนหน้าวันจันทร์ที่ผ่านมา การซื้อขายกลับเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แรงขับเคลื่อนสำคัญอีกประการหนึ่งมาจากบรรยากาศทางการเมืองที่ผ่อนคลายขึ้น ภายหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) ว่า จีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองและสินค้าเกษตรอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นปัจจัยหนุนตลาดโดยตรง
แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ตลาดยังคงมีปัจจัยท้าทายรออยู่ เนื่องด้วยจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้หันไปพึ่งพาผลผลิตจากอเมริกาใต้เป็นหลักในช่วงที่เกิดข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ ทำให้ขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังนำเข้าสินค้าในปริมาณสูงเป็นประวัติการณ์มาหลายเดือน ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของสหรัฐฯ
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นจากการที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การส่งออกถั่วเหลืองสำหรับฤดูผลผลิตปัจจุบันลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนยังเห็นว่าตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงเกินจริง