ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันศุกร์ (24 ก.พ.) สัญญาข้าวโพดปรับตัวลงปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากแรงเทขายทางเทคนิค ซึ่งรวมถึงการที่เทรดเดอร์ปรับโพซิชั่นเพื่อชำระบัญชี (long liquidation)
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวลง 1.75 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 3.7075 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 5.5 เซนต์ หรือ 1.21% ปิดที่ 4.48 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ หรือ 0.17% ปิดที่ 10.2425 ดอลลาร์/บุชเชล
นางดิแอนนา ฮอว์ธอร์น-ลาห์เร เทรดเดอร์และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทสแตทฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดธัญพืชสหรัฐเมื่อวันศุกร์ได้รับปัจจัยลบจากรายงานประมาณการผลผลิตธัญพืชในบางประเทศ
"ในตลาดข้าวสาลีนั้น ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่และเป็นคู่แข่งของสหรัฐ ได้ปรับเพิ่มประมาณการผลผลิตสู่ระดับ 18.5 ล้านตัน จากระดับ 15 ล้านตัน"
ขณะที่ภาวะตลาดข้าวโพดยังอยู่ในทิศทางสดใส แม้ว่าสัญญาข้าวโพดสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เม็กซิโกนำเข้าข้าวโพดจากแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐได้ปรับเพิ่มสถานะซื้อสุทธิ (net long) เป็นจำนวนมาก โดยคณะกรรมการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า เทรดเดอร์ที่ไม่ได้ซื้อขายเพื่อการค้า (non-commercial trader) ได้ปรับเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในสัญญาข้าวโพดในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 ก.พ. สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว เช่นเดียวกับสัญญาถั่วเหลือง ก็มีการปรับเพิ่มโพซิชั่นซื้อสุทธิเป็นจำนวนมากเช่นกัน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวโพดในตลาด CBOT ร่วงลงกว่า 29,000 สัญญา ขณะที่ถั่วเหลืองลดลง 22,000 สัญญาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์ปรับลดสถานะลองโพซิชั่น
รัฐบาลสหรัฐได้ปรับลดประมาณการผลผลิตข้าวโพดในช่วงปี 2017/18 ลง 7% สู่ระดับ 1.4065 หมื่นล้านบุชเชล และคาดว่าปริมาณข้าวโพดในสต็อกจะคงเหลือกว่า 2 พันล้านบุชเชล
ขณะที่กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ได้ปรับลดประมาณการผลผลิตถั่วเหลืองในช่วงปี 2017/18 ลง 3% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 4.180 พันล้านบุชเชล แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าสหรัฐจะสามารถเพาะปลูกถั่วเหลืองได้มากขึ้นก็ตาม โดยคาดว่าปริมาณถั่วเหลืองในสต็อกจะคงเหลือในระดับทรงตัวที่ 420 ล้านบุชเชล