สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ (28 ก.ค.) ขานรับข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศว่าจะร่นเวลาการกำหนดเส้นตายให้กับรัสเซียในการยุติสงครามในยูเครน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.38% ปิดที่ 66.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 2.34% ปิดที่ 70.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการที่ปธน.ทรัมป์ประกาศในวันจันทร์ว่า เขาจะกำหนดเส้นตายครั้งใหม่ต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน โดยจะให้เวลาเพียง 10-12 วัน จากเดิมที่ให้เวลา 50 วัน มิฉะนั้นรัสเซียจะเผชิญกับการคว่ำบาตร
ราคาน้ำมันได้ปัจจัยบวกจากข่าวสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 15% ลดลงครึ่งหนึ่งจากก่อนหน้านี้ที่สหรัฐฯ ขู่เรียกเก็บในอัตรา 30% นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวจะกำหนดให้ EU ซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นักลงทุนรอดูผลการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจระดับสูงของสหรัฐฯ และจีนที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดนในวันจันทร์ ท่ามกลางความหวังที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะเห็นพ้องให้มีการขยายเส้นตายการบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากรในระดับสูงออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 12 ส.ค. เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ และจีนยังคงทำการเจรจาข้อตกลงการค้า
คณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้เสร็จสิ้นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในวันจันทร์ โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิบัติตามข้อตกลงการผลิตน้ำมัน ก่อนที่สมาชิก 8 ชาติในกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย จะจัดการประชุมในวันอาทิตย์ที่ 3 ส.ค.เพื่อพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนก.ย.