ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงในวันนี้ (12 ส.ค.) หลังสหรัฐฯ และจีนขยายเวลาพักรบทางการค้าออกไป ขณะที่ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนก.ค. ปรับตัวสูงขึ้น
ณ เวลา 21:07 น. ตามเวลาประเทศไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 0.48 ดอลลาร์ หรือ -0.75% สู่ระดับ 63.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ขยายเวลาการพักรบทางการค้ากับจีนออกไปจนถึงวันที่ 10 พ.ย. ซึ่งช่วยชะลอการขึ้นภาษีในอัตราสูงต่อสินค้าจากจีน ในขณะที่กลุ่มผู้ค้าปลีกของสหรัฐฯ กำลังเตรียมตัวสำหรับฤดูการจับจ่ายช่วงวันหยุดสิ้นปีที่สำคัญ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความหวังว่าสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ และหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรทางการค้าอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากมาตรการทางภาษีมีความเสี่ยงที่จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการใช้เชื้อเพลิงและฉุดราคาน้ำมันให้ลดต่ำลง
ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ค. โดยมีสาเหตุจากต้นทุนสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากผลของภาษีศุลกากร ซึ่งผลักดันให้มาตรวัดเงินเฟ้อพื้นฐานรายการหนึ่งพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน
ขณะเดียวกัน ตลาดกำลังจับตาปัจจัยทางการเมืองที่สำคัญ คือกำหนดการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่รัฐอะแลสกาในวันศุกร์นี้ (15 ส.ค.) เพื่อเจรจายุติสงครามในยูเครน
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้เพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย โดยทรัมป์ได้กำหนดเส้นตายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 ส.ค.) ให้รัสเซียยอมรับข้อตกลงสันติภาพ มิฉะนั้นผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียจะต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรทุติยภูมิ (secondary sanctions) นอกจากนี้ เขายังได้กดดันให้อินเดียและจีนลดการซื้อน้ำมันจากรัสเซียด้วย
ส่วนปัจจัยด้านอุปทาน กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือน โดยปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกสำหรับปี 2569 และปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปทานจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มตลาดที่ตึงตัวมากขึ้น โดยรายงานระบุว่าความต้องการน้ำมันโลกในปี 2569 จะเพิ่มขึ้น 1.38 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เดิม 100,000 บาร์เรลต่อวัน