ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 1% ใกล้หลุดระดับ 62 ดอลลาร์ โดยถูกกดดันจากข้อมูลของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA)
ณ เวลา 22.16 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ลบ 0.94 ดอลลาร์ หรือ 1.49% สู่ระดับ 62.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 900,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ IEA เปิดเผยว่า อุปทานน้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดทั้งในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่การผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสมีการขยายตัวเช่นกัน
ทั้งนี้ IEA ระบุในรายงานเดือนส.ค.ว่า อุปทานน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.1 ล้านบาร์เรล/วัน และจะเพิ่มขึ้นอีก 1.9 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2569
นอกจากนี้ IEA คาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 680,000 บาร์เรล/วันในปี 2568 และ 700,000 บาร์เรล/วันในปี 2569 ซึ่งตัวเลขทั้งสองลดลง 20,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
รายงานระบุว่า อุปทานน้ำมันอาจสูงกว่าอุปสงค์เกือบ 3 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2569 อันเนื่องจากการเพิ่มการผลิตน้ำมันของประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัส และอุปสงค์ที่ซบเซา
แม้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิต แต่ผู้ผลิตนอกกลุ่มดังกล่าวจะยังคงเป็นผู้นำการขยายตัวของอุปทานน้ำมันทั้งในปีนี้และปีหน้า จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ แคนาดา บราซิล และกายอานา
อย่างไรก็ดี IEA ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและอิหร่าน อาจช่วยจำกัดอุปทานจากประเทศทั้งสอง ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 และอันดับ 5 ของโลก
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในวันศุกร์นี้ ซึ่งทำให้เกิดความหวังเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน