สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันพุธ (3 ก.ย.) หลุดจากระดับ 64 ดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันอาทิตย์นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.62 ดอลลาร์ หรือ 2.47% ปิดที่ 63.97 ดอลลาร์ /บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.54 ดอลลาร์ หรือ 2.23% ปิดที่ 67.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สมาชิก 8 ชาติของกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย จะจัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย. เพื่อพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนต.ค.
แหล่งข่าวจากกลุ่มโอเปกพลัสเปิดเผยว่า โอเปกพลัสอาจพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันอาทิตย์นี้ เพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดน้ำมัน หลังจากที่โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 547,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนก.ย. ในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
โอเปกพลัสได้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด แต่ในปีนี้ โอเปกพลัสได้เริ่มเปลี่ยนท่าทีเพื่อกลับมาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอีกครั้ง โดยได้เริ่มปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนเม.ย.ภายใต้แรงกดดันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่เรียกร้องให้โอเปกปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อช่วยควบคุมราคาน้ำมันในตลาด
นักวิเคราะห์จากธนาคาร SEB คาดการณ์ว่า หากโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตตามโควตาใหม่ ก็จะเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือนก.ย.ปีนี้ไปจนถึงปี 2569 โดยจะทำให้ปริมาณน้ำมันในสต็อกปรับตัวสูงขึ้น
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 622,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ส.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้