ราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นใกล้ทะลุระดับ 61 ดอลลาร์ในวันนี้ แต่มีแนวโน้มปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 โดยถูกกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลก
ณ เวลา 22.34 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 0.39 ดอลลาร์ หรือ 0.64% สู่ระดับ 60.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก อาจปรับลดราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการ (Official Selling Price) หรือ OSP สำหรับลูกค้าในเอเชียในเดือนธ.ค.ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน
ทั้งนี้ ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า แหล่งข่าวจากโรงกลั่นน้ำมัน 5 แห่งในเอเชียเปิดเผยว่า ราคา OSP ของน้ำมันดิบ Arab Light สำหรับเดือนธ.ค. อาจลดลง 1.20-1.50 ดอลลาร์/บาร์เรล เหนือค่าเฉลี่ย Oman/Dubai อยู่ระหว่าง 0.70-1.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทรงตัวที่ระดับ 2.20 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้
ส่วนราคา OSP ของน้ำมันดิบชนิดอื่น ๆ ได้แก่ Arab Extra Light คาดว่าจะลดลง 1.20-1.50 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ส่วน Arab Medium และ Arab Heavy คาดว่าจะลดลง 1.20-1.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียมักประกาศราคา OSP ในวันที่ 5 ของแต่ละเดือน ซึ่งจะเป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมันของอิหร่าน คูเวต และอิรัก และจะมีผลต่อราคาน้ำมันดิบราว 9 ล้านบาร์เรล/วันที่มีการส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชีย
ราคาน้ำมันที่ลดลงดังกล่าว มีสาเหตุจากคาดการณ์อุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้เพิ่มการผลิตน้ำมันรวมมากกว่า 2.7 ล้านบาร์เรล/วัน หรือประมาณ 2.5% ของอุปทานโลก หลังการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สมาชิกโอเปกพลัสจะประชุมกันในวันที่ 2 พฤศจิกายนเพื่อกำหนดโควตาการผลิตสำหรับเดือนธันวาคม โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีมติเพิ่มการผลิต 137,000 บาร์เรล/วัน