สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (4 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในหลายประเทศ รวมทั้งการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ตัดสินใจระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในไตรมาส 1/2569 อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าโอเปกพลัสมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 60.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 64.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์แข็งค่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้หรือไม่ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.35% แตะที่ระดับ 100.225
นักวิเคราะห์จาก BOK Financial กล่าวว่า ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงท่ามกลางความกังวลว่าตลาดอาจเข้าสู่ภาวะปรับฐาน รวมทั้งการที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันด้วย
ทั้งนี้ การชัตดาวน์ได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 35 แล้วในวันอังคาร ซึ่งเทียบเท่ากับสถิติสูงสุดเดิมที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของภาคการผลิตในหลายประเทศ โดย S&P Global ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค.ของญี่ปุ่นลดลงรุนแรงที่สุดในรอบ 19 เดือน ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.ของจีนหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้ตัดสินใจระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในไตรมาส 1/2569 ซึ่งนักลงทุนมองว่าการตัดสินใจดังกล่าวบ่งชี้ว่าโอเปกพลัสมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
ตลาดจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว