สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (17 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ท่าเรือโนโวโรสซิสค์ในทะเลดำของรัสเซียได้กลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง หลังจากที่ระงับการส่งออกเป็นเวลาสองวัน อันเนื่องมาจากยูเครนส่งโดรนโจมตี
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 59.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 64.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 พ.ย.) ท่าเรือในเมืองโนโวรอสซิสค์ของรัสเซียระงับการส่งออกน้ำมัน เนื่องจากถูกโจมตีด้วยโดรนจากยูเครน อย่างไรก็ดี ท่าเรือดังกล่าวได้กลับมาดำเนินการส่งออกน้ำมันอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย. และเป็นปัจจัยฉุดราคาน้ำมันอ่อนแรงลง โดยท่าเรือโนโวโรสซิสค์มีการขนส่งน้ำมันดิบ 3.22 ล้านตัน/วัน ในเดือนต.ค. และมีการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมัน 1.794 ล้านตัน
นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของยูเครนที่ยังคงเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันของรัสเซีย โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กองทัพยูเครนได้ทำการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันเรียซานของรัสเซีย ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนยืนยันในเวลาต่อมาว่า โรงกลั่นน้ำมันโนโวคูไอบิเชฟสค์ ในภูมิภาคซามาราของรัสเซียก็ถูกโจมตีด้วยเช่นกัน
ด้านนักวิเคราะห์จาก Fujitomi Securities กล่าวว่า นักลงทุนกำลังพยายามประเมินว่าการโจมตีของยูเครนจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียในระยะยาวอย่างไร
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาว่ามาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันและการไหลเวียนด้านการค้าของรัสเซียมากเพียงใด โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรด้วยการห้ามการทำธุรกรรมกับสองบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซียอย่าง Lukoil และ Rosneft หลังจากวันที่ 21 พ.ย.นี้ เพื่อพยายามผลักดันให้รัสเซียเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามในยูเครน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า พรรครีพับลิกันกำลังดำเนินการร่างกฎหมายที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศใดก็ตามที่ทำธุรกิจกับรัสเซีย และกล่าวว่าอิหร่านอาจถูกเพิ่มในรายชื่อของประเทศที่ถูกคว่ำบาตรด้วย
นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงไปจนถึงปี 2569 โดยระบุถึงการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดมีปริมาณน้ำมันส่วนเกินประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน